Bugatti Tourbillon ไฮเปอร์คาร์โลกตะลึง เผยโฉมอย่างเป็นทางการ พร้อมสานต่อตำนานต่อจาก Veyron และ Chiron ด้วยชื่อ แพลตฟอร์ม และเครื่องยนต์ใหม่แบบไฮบริดที่ผลิตม้าได้ 1,800 ตัว
ก่อนอื่นที่เราอยากแจ้งให้ทราบคือ Bugatti Tourbillon ได้เทเครื่องยนต์ ดับบลิว 16 สูบ พ่วงเทอร์โบ 4 ลูก (คล้ายกับการเอาเครื่องวี 8 สูบ วางซ้อนกันเป็นตัวดับบลิว) ขนาด 8.0 ลิตร ไปเป็นเรียบร้อย และหันไปใช้เครื่องยนต์ วี 16 สูบ ขนาด 8.3 ลิตร บล็อกใหม่เอี่ยม
โดยเครื่องยนต์ใหม่นี้ใช้เพลาข้อเหวี่ยงแบบ cross-plane แต่รอบจัด หมุนจี๊ดได้ถึง 9,000 รอบ/นาที พัฒนาโดยสำนัก Cosworth ผู้โด่งดัง จนได้กำลัง 1,000 แรงม้า และแรงบิด 900 นิวตันเมตร และไม่มีเทอร์โบแม้แต่ลูกเดียว
แต่ Bugatti Tourbillon เลือกบรรจุเทคโนโลยีไฮบริด โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว เข้ามาแทนที่เทอร์โบ 4 ลูก ตามสไตล์ดั้งเดิม ช่วยเสริมกำลังได้อีก 800 แรงม้า โดยมอเตอร์ 2 ตัว วางบนเพลาหน้า และอีก 1 ตัวบนเพลาหลัง ให้กำลังรวมกันทั้งสิ้น 1,800 แรงม้า วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกล 60 กิโลเมตร เผื่อว่ามหาเศรษฐีเกิดอยากประหยัดค่าน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนเครื่องยนต์ครั้งนี้ทำให้ Bugatti ต้องจัดการกับโครงสร้างภายใต้ตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ของ Bugatti Tourbillon ใหม่ ให้สามารถแมตช์เข้ากับห้องโดยสารซึ่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์มากขึ้น
ส่วนบานประตูเป็นแบบปีกผีเสื้อ หรือ dihedral doors เพิ่มความอลังการและดึงดูดสายตา ตัวรถนั้นถูกทำให้เตี้ยลง ดูก้าวร้าวมากขึ้น ขณะที่ด้านหลังเบาะนั่งจะเป็นที่อยู่ของเครื่องยนต์และตามด้วยเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีด และตรงกลางเป็นตำแหน่งวางแบตเตอรี่ขนาด 21 kWh
ทางด้านชื่อใหม่ Tourbillon ไม่ใช้ชื่อนักแข่งรถเหมือน Veyron หรือ Chiron แต่ได้แรงบัลดาลใจจากนาฬิกากลไกตูร์บิยง (Tourbillon ในภาษาฝรั่งเศส) ผ่านแผงหน้าปัดมีลักษณะเหมือนกลไกนาฬิกา
ซึ่ง “ในอดีต” กลไก Tourbillon ถือเป็นงานฝีมือที่ละเอียด ประณีตขั้นสุด มีผู้ผลิตนาฬิกาเพียงไม่กี่แบรนด์ที่สามารถทำได้ กระจกเรือนไมล์ทำจากแซฟไฟร์คริสตัลที่ผ่านการขัดสี ซึ่งเป็นวัสดุราคาสูงที่ช่างทำนาฬิกาใช้กันรอยขีดข่วน
ทั้งหมดนี้เพื่อให้ Bugatti Tourbillon ดูเป็นของจริง ไม่ใช่แค่หน้าจอดิจิทัลและภาพกราฟฟิกปลอม ๆ แต่ไม่ตกยุค แม้เบื้องหน้าจะเป็นระบบแอนาล็อก แต่ไฮเทคด้วย AI สามารถเข้าใจ รับรู้ความต้องการ และสนทนากับผู้ขับขี่ได้
เพราะมันติดตั้งจอมัลติฟังก์ชันแบบเก็บซ่อนตัวเองได้แบบ 100% นอกจากนี้ พวงมาลัยของ Bugatti Tourbillon ยังออกแบบให้แกนกลางพวงมาลัยตายตัว ไม่หมุนตาม และไม่บังเรือนไมล์ระดับ Art Piece ซึ่งประกอบไปด้วยตัวเลขและเข็มลอยตัว มีหน้าจอบอกความเร็วขนาดเล็กสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นอะไรที่เป็นพิกเซลบ้าง
ทางด้านงานออกแบบภายนอก ยังคงเอกลักษณ์กระจังหน้ารูปเกือกม้าและเส้นโค้งด้านข้างรูปตัว C รวมถึงสันครีบบนหลังคา เพื่อเชื่อมโยงให้ Tourbillon เข้ากับ Chiron และ Bugatti รุ่นตำนานในอดีต ไม่ว่าจะเป็น Bugatti Type 57SC Atlantic หรือ Bugatti Type 35
อีกสิ่งที่ Bugatti Tourbillon แตกต่างจากไฮเปอร์คาร์อื่น ๆ คือความพยายามซ่อนเร้นครีบหางต่าง ๆ ที่ใช้จัดระเบียบกระแสลมและควบคุมการไหลผ่านของอากาศอย่างที่สุด
เริ่มตั้งแต่การจัดการกับกระแสลมด้านหน้ารถให้ไหลผ่านเข้าไปยังดิฟฟิวเซอร์ซึ่งทำจากคาร์บอนไฟเบอร์อยู่ใต้ครึ่งหลังของตัวรถ เพื่อทำหน้าที่เป็นเบรกอากาศโดยไม่เพิ่มแรงฉุดลากไปจนถึงความเร็วสูงสุดที่ 445 กม./ชม. และสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาประมาณ 2 วินาที ไปจนถึง 402 กม./ชม. ได้ภายใน 25 วินาที โดยประมาณ
อย่างไรก็ตาม Bugatti ตั้งใจจะผลิต Bugatti Tourbillon แค่ 250 คัน ตามแผนจะเริ่มการผลิตในปี 2026 และแน่นอนว่าผู้ที่ต้องการมันต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมหาศาล พร้อมเงื่อนไขที่ว่าต้องมีประวัติการซื้อ Bugatti หรือ Rimac ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้ากลุ่มไฮเปอร์คาร์ในเครือมาก่อน
ที่มา : Bugatti